ตำนาน 12 นักษัตรของจีนก็มีเรื่องเล่าตามนิทานว่า
สมัยก่อนในยุคที่ยังไม่มีการกำหนดนักษัตรประจำปี เทพเจ้าแห่งสวรรค์จะลงมายังโลกมนุษย์มาจำศีลอยู่บนภูเขาเทพเพื่อให้สัตว์ต่างๆ
ได้มาทำการคาราวะและขอพรเป็นประจำทุกๆ ปีในช่วงปีใหม่ แต่ในปีนี้เทพเจ้าท่านมีความคิดว่าน่าจะให้สัตว์ทั้งหลายได้ทำหน้าที่พิเศษเพื่อเป็นประโยชน์ขึ้นมาบ้าง
ท่านจึงมีความคิดว่าสัตว์ตัวไหนที่มาแสดงความยินดีกับท่านในวันขึ้นปีใหม่
มาถึงก่อน 12 ตัวแรก จะได้รับตำแหน่งพิเศษที่มีความสำคัญมากเป็นรางวัล
เทพเจ้าเมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วจึงเขียนป้ายประกาศขึ้นมาและนำไปปักไว้ที่เชิงเขาเพื่อเป็นการประกาศต่อสัตว์ทั้งหลาย
ในป้ายประกาศมีข้อความเขียนไว้ว่า “ในวันขึ้นปีใหม่ปีนี้ผู้ที่ขึ้นเขามาเพื่อแสดงความยินดีในวันขึ้นปีใหม่กับข้าก่อนใคร 12 ตัวแรก จะได้รับตำแหน่งตามลำดับตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสองผลัดกันไปปีละหนึ่งครั้ง จะได้เป็นสัตว์ที่มีหน้าที่พิเศษคุ้มครองปีนั้นๆ ตามลำดับ” นี่คือคำประกาศของข้า “เทพเจ้าแห่งสวรรค์”
สัตว์ต่างๆ เมื่อได้อ่านป้ายประกาศแล้วก็มีความยินดีและตื่นเต้นอย่างเหลือล้น แต่ก็มีแมวจอมขี้เซาที่ชอบนอนบิดขี้เกียจตัวหนึ่ง หลังจากที่อ่านประกาศมาหลายวันก็ลืมเสียแล้วว่าเทพเจ้าประกาศไว้ว่าอย่างไร เจ้าแมวนึกขึ้นมาได้ลางๆ จึงรีบไปถามเจ้าหนูว่าเทพเจ้าประกาศว่าให้ไปวันไหน เจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์จึงโกหกกับแมวไปว่า เทพเจ้าสั่งให้ไปหาในวันรุ่งขึ้นอีกวันหลังวันขึ้นปีใหม่ ห้ามไปหาในวันขึ้นปีใหม่นะ จำไว้ให้ขึ้นใจด้วย เจ้าแมวก็เลยโล่งใจหันกลับมาหลับขี้เซาอย่างเดิม
แล้ววันขึ้นปีใหม่ก็ใกล้มาถึง เจ้าวัวผู้เป็นสัตว์ที่เฉื่อยชาเดินช้าไม่ทันใคร จึงต้องออกเดินทางตั้งแต่กลางคืน แต่ระหว่างที่เดินไปด้วยความเชื่องช้านั้น ก็มีหนูเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งแอบขึ้นไปเกาะที่หางวัวโดยที่วัวไม่ทันรู้ตัวเลย เจ้าหนูตัวนี้อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับวัวก็เลยคอยหาจังหวะ และรู้ว่าวัวจะต้องออกเดินทางไปแต่หัวค่ำก่อนหน้าใคร เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาก็เช้าเป็นวันปีใหม่พอดี และเมื่อวัวเข้าใกล้จุดหมายหนูจอมเจ้าเล่ห์ก็กัดวัว ทำให้วัวเจ็บ และสะบัดหางไปข้างหน้า เจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์ก็รีบวิ่งไปยืนตรงหน้าของเทพเจ้า เป็นอันดับหนึ่ง พอไปยืนอยู่หน้าเทพเจ้าแล้ว เจ้าหนูก็รีบตะโกนขึ้นว่า ขอแสดงความเคารพและสวัสดีปีใหม่ท่านเทพเจ้า เทพเจ้ากล่าวทักทาย “สวัสดีปีใหม่เจ้าหนูตัวน้อย ผู้ที่มาเป็นตัวแรก ที่หนึ่งเป็นเจ้าแล้วนะ” เจ้าวัวที่รีบออกเดินทางมาแต่ มืดก่อนใครกลับเสียแชมป์ไปให้กับเจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์ แต่วัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธและถือสาหนูเลย อันดับที่ 2 จึงเป็นของเจ้าวัว “ใช้ความอุตสาหะและอดทนมากนะเจ้าวัว ข้าขอแสดงความยินดีด้วย” เจ้าวัวเมื่อได้รับคำชมจากเทพเจ้าก็แกว่งหางไปมาแสดงความยินดีเป็นที่สุด
ส่วนสัตว์ตัวอื่นๆ ทั้งหลายเมื่อเวลาเช้ามาถึงแล้วก็รีบออกเดินทางเพื่อจะขึ้นไปแสดงความยินดีกับเทพเจ้าบนยอดเขา เจ้ากระต่ายวิ่งอย่างเพลิดเพลินด้วยความภูมิใจในความเร็วของตัวเอง แต่ก็มีเจ้าเสือตัวใหญ่วิ่งตามมาติดๆ เจ้ากระต่ายพอเหลือบไปเห็นว่ามีเสือวิ่งตามมา ก็รีบวิ่งกระโดดเข้าไปหลบในดงไม้ เป็นเหตุให้เจ้าเสือจึงได้เป็นอันดับที่ 3 กระต่ายได้เป็นอันดับที่ 4 ไปตามลำดับ
พอดีตอนนั้นพญามังกรกำลังออกมาบินเล่นบนท้องฟ้าก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศของเทพเจ้าเข้า พลันก็คิดไปว่า “ต้องข้าสิถึงจะเป็นที่หนึ่ง จะต้องเป็นข้าสิ” พญามังกรทะยานบินขึ้นไปจนสูงเหนือเมฆแล้วมองไปทางยอดเขา เห็นข้างหน้ามีงูกำลังเลื้อยไปมาอยู่ข้างล่างตรงทางที่จะไปสู่ยอดเขา งูกำลังเลื้อยเขาไปใกล้ทุกทีแล้ว เห็นทีช้าไปจะไม่ได้การเสียแล้ว ว่าแล้วพญามังกรก็รีบทะยานขึ้นสูงขึ้นไปอีกแล้วพุ่งตัวลงสู่ยอดเขาทันทีทันใดนั้นเลย มังกรจึงได้เป็นที่ 5 แล้วที่ตามมาติดๆ ก็คือเจ้างูน้อยได้ลำดับที่ 6 ไปครอง
มีสัตว์ที่เป็นเพื่อนรักกันคู่หนึ่งเดินทางมาด้วยกัน นั่นก็คือม้ากับแพะ สัตว์สองตัวนี้สามัคคีกันดีมานานแล้วเรียกว่ามีม้าที่ไหนก็ต้องมีแพะที่นั่น ม้ามีจิตใจที่อ่อนโยนแต่เจ้าแพะนี่สิเป็นพวกใจเสาะและขี้กลัวจนขึ้นสมอง แพะเดินตามม้าไปด้วยตัวอันสั่นเทา แม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ไหวแค่นิดเดียวเจ้าแพะก็ทำท่าทางตกใจไปตลอดทางเลยเชียว “เพราะกลัวหมาป่าจะโผล่ออกมานะสิ” แพะพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว ม้าเพื่อนรักจึงพูดปลอบใจแพะว่า “อย่าตกใจไปเลย เราสัญญาว่าจะปกป้องนายเอง” เมื่อแพะเห็นว่าม้าสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนั้นก็โล่งใจ แพะเลยพาม้าไปกินใบไม้แห่งความลับ(ต้นหญ้า)ที่สุดแสนอร่อยที่แพะไม่เคยบอกใครมาก่อนเป็นรางวัล อันนี้เองที่เป็นเหตุว่าทำไมม้ากับแพะจึงกินหญ้า แล้วทั้งม้าและแพะก็เดินทางขึ้นเขามาด้วยกันอย่างสามัคคี เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาและจวนจะถึงเทพเจ้าอยู่รอมร่อแล้วนั้น แพะก็หันมาพูดกับม้าว่า เจ้าคอยปกป้องข้ามาตลอดทางเชิญท่านไปก่อนเราเถอะ ด้วยเหตุอันนี้ม้าจึงมาเป็นอันดับที่ 7 และแพะตามมาเป็นอันดับที่ 8 ขอแสดงความยินดีและสวัสดีปีใหม่ท่านเทพเจ้า เทพเจ้ายิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า ขอแสดงความยินดีด้วยเหมือนกัน “ม้ากับแพะมีความสามัคคีกันดี”
ไก่ปกติมีนิสัยตื่นเช้าสุดก่อนใครๆ ก็จริงแต่เมื่อคืนก่อนเจ้าไก่ไม่ยอมนอนลุกขึ้นมาสังสรรค์ต้อนรับปีใหม่จนดึกดื่น จึงทำให้วันสำคัญวันนี้นอนตื่นสายผิดปกติ ไก่จึงรีบตาลีตาเลือกกางปีกวิ่งถลาออกเดินทางขึ้นเขาไปอย่างรีบร้อน ในระหว่างที่กำลังเดินทางไปนั้น ตรงทางแยกที่จะไปสู่ยอดเขา ไก่ก็เห็นลิงกับหมากำลังตะลุมบอนทะเลาะถกเถียงกัน กอดปล้ำกันจนฝุ่นตลบไปหมด ไก่เมื่อเห็นดังนั้นจึงจำเป็นต้องเข้าไปห้ามศึกที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ “อย่าทะเลาะกันเลย เราขึ้นเขาไปหาเทพเจ้าพร้อมกันดีกว่า” ไก่ร้องชวนเชิญ ลิงหยุดชะงักแล้วผละออกจากหมากระโดดขึ้นไปยืนบนต้นไม้แล้วพูดอย่างโมโหว่า “ไม่เอา ไม่เอา ข้าจะไปของข้าคนเดียว” ว่าแล้วลิงก็กระโดดโหนต้นไม้ปีนหายลับไปจากตรงนั้นทันที
หมากับไก่จึงออกเดินทางมาด้วยกัน เมื่อหมากับไก่กำลังจะมาถึงยอดเขาอยู่รอมร่อแล้วนั้น ลิงก็กระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วกระโดดข้ามหน้าหมากับไก่ไปอย่างรวดเร็ว แถมวิ่งโร่เข้าไปหาเทพเจ้าอย่างหน้าตาเฉย หมากับไก่เมื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามลิงเข้าไปติดๆ ผลปรากฏว่าหมากับไก่วิ่งเข้าไปถึงเทพเจ้าพร้อมๆ กัน ไม่มีใครช้ากว่ากันสักก้าวเดียวเลย เทพเจ้ามองเห็นทุกอย่างทั้งหมดจึงประกาศออกมาว่า ลิงเป็นอันดับที่ 9 แล้วชี้ไปที่ไก่ ให้ไก่เป็นอันดับที่ 10 ก่อนที่เทพเจ้าจะว่าอะไรต่อ หมาก็เห่าโฮ่ง ๆ ๆ ขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ อะไรกันท่านเทพเจ้า ลิงได้อันดับที่ 9 ข้าก็ไม่แย้งหรอก แต่ข้ามาพร้อมๆ กับไก่แล้วไฉนเลยไก่จึงได้อันดับที่ 10 ก่อนข้าหละ เทพเจ้าจึงหัวเราะและตอบหมาไปว่า ถ้าต่อจากลิงแล้วเป็นหมาก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทได้ง่ายขึ้นสิ ข้าจึงให้ไก่มาแทรกตรงกลางเข้าใจไหมเจ้าหมา เทพเจ้าท่านรู้หมดทุกอย่างว่าหมากับลิงเป็นศัตรูกันมาแต่นมนานแล้วจึงไม่อยากให้เข้าใกล้กันมากนัก จึงตัดสินไม่ให้หมามีอันดับต่อมาจากลิง โดยตัดสินให้ไก่เข้ามาแทรกตรงกลาง เหตุอันนี้หมาจึงได้อันดับที่ 11ไปตามสาเหตุ ลิงเมื่อได้ฟังเทพเจ้าพูดเช่นนั้นก็อายจนหน้าแดงกล่ำไปหมดทั้งหน้า จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมลิงจึงหน้าแดงอยู่ตลอดเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหมาเมื่อได้ฟังเทพเจ้าพูดจบแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าลงสู่พื้นดินด้วยยอมแพ้ในเหตุผลนั้น เลยเป็นเหตุให้หมาต้องอยู่ ในสภาพเหมือนก้มหน้าอยู่ตลอดเวลามาจนถึงทุกวันนี้เหมือนกัน
เมื่อเทพเจ้าว่าความและตัดสินคดีของลิง หมา และไก่เสร็จ ทันใดนั้นก็มีสิ่งหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วกำลังตรงเข้ามาหาเทพเจ้า เป็นหมูป่าที่มีนิสัยรีบร้อนแบบตาลีตาเหลือกนั่นเอง “โอ๊ย เสียใจจัง ข้ารีบร้อนเลยจำทางผิด ดันวิ่งไปบนเขาลูกอื่น” ข้ามาทันได้ติดอันดับกับเขาบ้างหรือเปล่าท่านเทพเจ้า “เจ้ามาทันสิ” เป็นอันดับสุดท้ายพอดีคืออันดับที่ 12 แล้วการจัดอันดับของสัตว์ที่จะมีหน้าที่คุ้มครองปีทั้ง 12 ปีก็ถูกกำหนดและกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้นแล ส่วนสัตว์ตัวอื่นๆ ที่ขึ้นมาหาเทพเจ้าล่าช้าไปก็ทยอยออกมาสบทบกันอย่างมากมาย การแสดงความยินดีในวันขึ้นปีใหม่ระหว่างเทพเจ้าและสัตว์ต่างก็เริ่มขึ้นด้วยความสุขสนุกสนาน และก็จบลงอย่างมีความสุข
ในรุ่งขึ้นอีกวันในวันที่ 2 เจ้าแมวจึงรีบเดินทางตามมาที่ยอดเขา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะถูกหนูเจ้าเล่ห์หลอกจึงโกรธและเกลียดหนูมาก เมื่อแมวเห็นหนูเมื่อไหร่ก็จะไล่จับทันทีด้วยความแค้น เทวดาก็เลยสั่งให้หนูหลบซ่อนในถ้ำหรือซอกรูเล็กๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วแมวก็สัญญากับตัวเองว่า คราวหน้าถ้ามีการเลือกอันดับขึ้นมาอีกครั้งจะไม่ยอมขี้เซาอีกเป็นอันขาด แมวจึงมีนิสัยชอบเอาขาขึ้นมาถูใบหน้าไปมาอยู่ตลอดเวลา เพื่อกันไม่ให้ง่วงนอน จนถึงทุกวันนี้