22.6.53

การดูดวงด้วยหมากรุกจีน มาจากไหน

หมากรุกจีน..มาจากไหน


เป็นคำถามที่มักจะได้ยินบ่อยๆ ว่าการดูดวงด้วยหมากรุกจีนเป็นยังไงมีที่มาที่ไปอย่างไรต้องใช้อะไรในการดูหรือต้องเตรียมข้อมูลพื้นฐานอะไรบ้าง บางคนก็สงสัยว่าหมากรุกจีนใช้ดูดวงได้ด้วยเหรอ บางคนก็ถามว่าต้องมานั่งเล่นหมากรุกจีนกันใช่ไหมแล้วทายดวงจากลักษณะนิสัยการเดินหมาก ซึ่งก็มีอีกสารพัดสงสัยมากมายกับคำถามแปลกๆ แม้แต่ตัวผมเองก่อนที่จะมาได้เรียนรู้ในตำราก็เคยสงสัยมาก่อน ก็ขอนำคำบอกเล่าของอาจารย์ถึงที่มาที่ไปมาเล่าสู่กันฟัง

          ตำราหมากรุกจีนอันที่จริงก็คือ " ตำรา "โป๊ยยี่สี่เถียว " โหราศาสตร์จีนขนานแท้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ถือเป็น " ก๊กป้อ " ขุมทรัพย์ประจำประเทศจีนที่ถ่ายทอดกันมา มีอายุไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี ก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้สร้างกำแพงเมืองจีน แรกเริ่มเดิมทีเป็นแค่ " ปฎิทินชาวนา " เพราะจีนเป็นแผ่นดินของเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ปฎิทินนับปี เดือน วัน เพื่อกำหนดฤดูกาลในแต่ละช่วงของเดือน ปฎิทินใน 1 เดือน จะมี 2 ช่วง และมีความหมายกำกับมาให้เรียบร้อย เช่น ฝนเริ่มลง หิมะเริ่มตก ช่วงแมลงบินว่อน เพื่อเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรที่จะทำการเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวพืชไร่  แต่ความช่างสังเกตของนักปราชญ์นักศึกษาทำให้เกิดตำราตรวจดูชะตากรรมของมนุษย์ในถิ่นต่างๆควบคู่กันไปด้วย  " หมากรุกจีน " ถือเป็นตำราปลีกย่อยออกมาจาก " โป๊ยยี่สี่เถียว "

          การดูดวงด้วยหมากรุกจีนเป็นตำราที่จะหาผู้ถ่ายทอดและผู้สืบทอดกันน้อยมาก อาจารย์ท่านหนึ่งๆก็จะถ่ายทอดให้ศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น จึงทำให้ตำรานี้ดูลึกลับและไม่เป็นที่แพร่หลาย ทำให้ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นการใช้หมากรุกจีนมาทำนายดวงชะตา

ช่วงที่หนึ่ง พ.ศ.2530 " ความตื่นเต้นของหญิงเฒ่า "

          ขณะที่อาจารย์ใช้ตำรานี้ไปเที่ยวสัญจรดูดวงให้ชาวบ้านในยุคแรกๆ ช่วงจังหวะหนึ่งขณะที่กำลังวางกราฟชีวิตออกมา " เป็นหมากรุกภาษาจีน " วางโชร์บนโต๊ะของลูกค้า มีอาม่าหญิงชราชาวจีนวัยดึก 70 กว่า จ้องมองหมากรุกนี้แล้วอุทานแบบดีอกดีใจ

" อั๊วเคยเห็น อั๊วเคยเห็นหมากพวกนี้ "

          นั่นทำให้อาจารย์ผมทั้งตกใจและดีใจไปด้วย เพราะในท้องตลาดมีเพียงอาจารย์ผมถือตำราแปลกไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองมาจากอาจารย์ปู่ และก็เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์โหงว จึงรีบสอบถามท่านผู้เฒ่าว่าได้พบเห็นวิชานี้ที่ไหนเมื่อไหร่ หญิงเฒ่านิ่งคิดสักพักแล้วบอกว่าตอนเป็นสาวเมื่อ 30 ปีก่อน เคยเห็นเพียงครั้งเดียวตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยพบเห็นเจอะเจอที่ไหนอีกเลย

ช่วงที่สอง พ.ศ.2538 " ยังมีอีกคนที่ซานฟรานฯ "

          เจ้าของโรงงานคนหนึ่งวัย 40 ปีเศษ ไปเที่ยวอเมริกากับภรรยา ทั้งคู่เป็นลูกค้าขาประจำของอาจารย์ผม ไปเที่ยวกลับมาก็รีบโทรมาบอก " มีข่าวแปลกๆ " ให้อาจารย์รับฟัง คุณหมอครับผมไปเจอซินแสหมากรุกจีนอีกคนที่ซานฟรานซิสโก ผมอ่านพบโฆษณาและโทรไปถามที่อยู่แล้วตามไปดู มีลูกค้าจองคิวและนั่งรอเยอะมากครับ ผมชะโงกหน้าดูก็เห็นหมอจีนวัย 50 เศษ ใช้หมากเดียวกันสีเดียวกันกับของอาจารย์ดูดวงให้ชาวบ้าน แกไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษต้องมีล่ามแปลอยู่ข้างๆช่วยแปลภาษาจีนที่เขาพูด รู้สึกว่าจะ " แม่น " เพราะลูกค้าค่อนข้างพอใจ แต่ผมกับแฟนจองคิวแล้วยังอีกนานก็เลยกลับมาซะก่อน ยังไม่ได้ดูกับหมอคนนี้

ช่วงที่สาม สมัยชวน 2 " นักการเมืองไทยในปักกิ่ง "

ยุคของชวน 2 ท่านเคยไปเยี่ยมเยือนจีนแดงและไปพักอยู่ที่ปักกิ่ง พร้อมผู้ติดตามและคณะพ่อค้าไทยอีกกลุ่มใหญ่ สส.คนหนึ่งในคณะท่านเป็นคนโทรมาเล่าให้อาจารย์ผมฟัง ทางรัฐบาลจีนได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้หลายคน สำหรับดูแลต้อนรับคณะองค์กรแต่ละท่านที่ไปเพราะทุกคนอยู่ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษของรัฐบาลจีน หลังจากได้พักได้กินได้ท่องเที่ยวทัศนาสิ่งที่น่าสนใจไปหลายวัน สส.ท่านนี้ก็พูดกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่มาติดตามรับใช้บอกว่า

" อยากจะดูดวงกับหมอดูนครปักกิ่ง "

          ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนก็จัดการนัดแนะ " หมอดู " มาหลายแขนงให้ท่านเลือก มีทั้งโหงวเฮ้ง ลายมือ โป๊ยยี่สี่เถียว ฯลฯ แต่ท่าน สส. อยากจะดู " หมากรุกจีนประจำกรุงปักกิ่ง " เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าตำราหมากรุกจีนในไทยต้องร่ำเรียนมาจากประเทศจีนแน่ๆ อันเป็นต้นตำรับของสายวิชาแท้จริง พูดไปพูดมาเห็นทีจะไม่รู้เรื่อง พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีศาสตร์นี้ไม่เคยเห็นจริงๆ ท่าน สส. จึงเอากระดาษดินสอมาวาดรูปให้ดูคร่าวๆเท่าที่จำได้

          พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนก็รับกระดาษไปเพ่งพิจารณา แถมส่งต่อให้เจ้าหน้าที่คนอื่นช่วยกันดูและส่งแฟกส์ภาพนี้ต่อไปยังมณฑลอื่นๆของจีน เผื่อจะรู้จักพบเห็นกันบ้าง ผ่านไป 2 วัน ก็มาแจ้งว่า " พบแล้ว " แต่เชิญมาดูไม่ได้ เจ้าหน้าที่เอาเครื่องบินเล็กมารับท่าน สส. เพื่อจะบินไปมณฑลอื่นทางภาคใต้ของจีน พอลงจากเครื่องก็มีรถมารับ ขับรถเข้าไปในเขตชนบทเห็นแต่ต้นไม้กับทุ่งนา แล้วไปจอดหน้าบ้านรูปทรงจีนแท้หลังใหญ่ เป็นบ้านกึ่งโบราณที่ดัดแปลงมาใช้เป็น "พิพิธภัณฑ์เอกชน " เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่เป็นที่ส่วนบุคคลของเอกชนคหบดีจีนท่านหนึ่ง " ห้ามถ่ายรูปนะครับ " แล้วก็พาท่าน สส. เข้าไปในอาคาร สถานที่โอ่โถงและมีอาคารเชื่อมต่ออาคาร มีตู้จีนโบราณวางวัตถุโบราณถ้วยรามชามไหไว้เพียบ แสงไฟไม่ค่อยสว่างเดินเลี้ยวลดไปถึงห้องชั้นในห้องหนึ่ง มาหยุดอยู่หน้าตู้เก็บของโชร์แล้วเจ้าหน้าที่ก็ชี้เข้าไปในตู้ที่มีบานกระจกปิดล็อก ข้างในมีทั้งกระดานและหมากรุกจีน(ตามที่วาด)วางเก็บรักษาไว้อย่างดี

" อันนี้ใช่ไหมครับ "

ท่าน สส. มองปั๊บก็บอกเลยว่า " ใช่ "

เจ้าหน้าที่บอกว่า " เสียใจครับท่าน "

          หมากรุกจีนแบบนี้เก็บรักษากันมานานกว่า 400 ปีแล้ว ไม่มีใครหยิบเอามาใช้งานตั้งนานแล้ว เป็นแค่ของเก่าโบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้น
         
          สรุปง่ายๆก็คือ ในเมืองจีนไม่มีใครเขาดูดวงด้วยหมากรุกจีนมาตั้งนานแล้วส่วนที่หลงหลุดออกนอกประเทศจีนก็อาจมาจากคนจีนสมัยก่อนมักจะเดินทางไปค้าขายกับต่างชาติ อีกทั้งบางส่วนก็อพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามเมืองต่างๆ และก็ถือเอาตำราวิชาความรู้ติดตัวไปด้วย แล้วก็สืบทอดวิชาหมากรุกจีนติดต่อกันมาจากอาจารย์ถึงลูกศิษย์ทีละคนสองคนนั้นช่างเป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้



ขอขอบคุณอาจารย์ "ซินแสนริศ หมากรุกจีน" ที่อนุญาติให้นำเรื่องราวมาถ่ายทอด 




                                                            กลับ

          

ไม่มีความคิดเห็น: